ส้มตำข้าวโพดไข่เค็ม สูตรลดน้ำหนัก ทานแล้วหุ่นสวย

ส้มตำข้าวโพดไข่เค็ม

ส้มตำ เป็นอาหารอย่างหนึ่งที่ไม่ใช่แต่คนภาคอีสานชื่นชอบ ทุกพื้นที่ล้วนมีแต่ร้าน ส้มตำ ที่เรียกได้ว่ายืนหนึ่งในแทบทุกจังหวัด ไม่ว่าจะขึ้นเหนือล่องใต้อยากกินแค่ไหนต้องได้กิน ซึ่งการหาร้านไม่ใช่เรื่องยาก เพราะสิ่งที่ยากกว่าจริง ๆ นั่นคือ ความอร่อยถูกปาก และความสะอาดที่ร้านอาหารพึงมี แต่กว่าที่เราจะหาร้านได้ถูกใจก็คงต้องตระเวนไปลองหลาย ๆ ที่ ซึ่งมันก็ไม่น่ามีใครมีเวลาขนาดนั้น แต่ถ้าเราทำเองก็ยังสามารถปรับรสชาติให้เป็นแบบที่ตัวเองชอบได้ และบอกได้เลยว่า ส้มตำ มันมีสูตรที่สามารถ ลดน้ำหนัก ได้ด้วย แต่ไม่ใช่ว่ากินแล้วจะลดได้เร็วอะไรแบบนั้น เอาเป็นว่ามันมี วัตถุดิบ บางอย่างที่ช่วยได้แล้วกัน เพราะฉะนั้นห้ามพลาดกับเมนู ส้มตำข้าวโพดไข่เค็ม ที่รับรองว่าทั้งอร่อยแล้วก็มีประโยชน์ด้วย

วัตถุดิบและวิธีการทำ ส้มตำข้าวโพดไข่เค็ม

ส่วนผสม

  • ข้าวโพดต้มสุก           
  • แครอท                  
  • ถั่วฝักยาว                 
  • พริกแดง
  • มะเขือเทศ               
  • กระเทียม                
  • มะขามเปียก            
  • มะนาว
  • น้ำตาลทราย            
  • น้ำปลา                  
  • น้ำตาลปี๊บ

วิธีการทำ ตำข้าวโพดไข่เค็ม

  1. ฝานข้าวโพดที่ต้มสุกแล้วเตรียมไว้ก่อน ( ฝาดตามที่ตัวเองชอบได้เลยค่ะ )
  2. หั่นถั่วฝักยาว / มะเขือเทศแบบพอดีคำ และขูดแครอทให้เป็นเส้นรอไว้
  3. ปอกไข่เค็ม และหั่นเป็นชิ้นเตรียมไว้
  4. นำพริกกับกระเทียมตำใส่ครกพอแหลก แล้วเติมน้ำปลา, มะนาว, น้ำตาลทราย, มะขามเปียกน้ำตาลปี๊บ ชิมให้ได้ตามรสชาติที่ชอบแล้วค่อยใส่ส่วนผสมอื่นลงไป
  5. เมื่อได้รสชาติที่โอเคแล้วให้ใส่ถั่วฝักยาว, ข้าวโพด และแครอทที่เตรียมไว้ลงไปคลุกให้เข้ากัน หลังจากนั้นเสริมทัพด้วยมะเขือเทศกับไข่เค็ม และลองชิมรสชาติอีกครั้งหนึ่งว่ายังเป็นรสชาติแรกอยู่หรือไม่ หากรสชาติเปลี่ยนก็สามารถปรับใหม่จนกว่าจะพอใจ
  6. ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ กินคู่กับข้าวเหนียวร้อน ๆ สักห่อ และแกล้มด้วยผักเย็น ๆ กรอบ ๆ

ใครว่า ส้มตำ ทำยากคงต้องไปคิดใหม่ เพราะแค่มีอุปกรณ์ครบก็สามารถทำได้ง่าย ๆ แล้ว ที่ต้องฝึกจริง ๆ ก็คงมีเพียงแค่การปรุงรสชาติให้อร่อยเท่านั้นเอง และบอกเลยว่า ส้มตำข้าวโพดไข่เค็มสูตรลดน้ำหนัก เป็นสูตรที่หลายคนชอบ เพราะนอกจากอร่อยแล้ว ยังได้ประโยชน์จาก ข้าวโพด มากมาย เช่น การบำรุงสายตา, ระบบขับถ่าย, ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ฯลฯ ซึ่งสูตรนี้เหมาะกับคนที่ไม่ชอบทานเผ็ดมากนัก แต่ถ้าใครชอบแบบเผ็ดสะท้านก็เพิ่มพริกให้สะใจไปเลย เพราะไม่ว่าจะกินแบบไหนก็มีประโยชน์เหมือนกันหมด และถึงแม้ว่าจะเป็นมือใหม่ก็ทำได้แน่นอน