หลายคนอาจเคยสงสัยว่า มัทฉะ กับ ชาเขียว ต่างกันอย่างไร ในเมื่อทั้งสองก็ล้วนทำมาจากใบชาเขียวเหมือนกัน แต่ความจริงแล้วทั้งสองมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในด้านกระบวนการผลิต รสชาติ คุณประโยชน์ รวมถึงวิธีการบริโภค หากคุณเป็นสายสุขภาพหรือคนรักชา การเข้าใจความต่างนี้จะช่วยให้เลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวเองได้มากขึ้น
ความแตกต่างหลักระหว่าง มัทฉะ กับ ชาเขียว ต่างกันอย่างไร
วัตถุดิบและการปลูก
- มัทฉะ ใช้ใบชาเขียวพันธุ์เทนฉะ (Tencha) ที่ปลูกในร่มก่อนเก็บเกี่ยวประมาณ 3-4 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มคลอโรฟิลล์ ทำให้ได้รสชาติที่เข้มและหวานกลมกล่อม
- ชาเขียวทั่วไป ใช้ใบชาที่ปลูกกลางแจ้ง ไม่ผ่านกระบวนการบดละเอียด รสชาติจะฝาดเล็กน้อยและเบากว่า
กระบวนการผลิต
- มัทฉะ ใบชาจะถูกนึ่งแล้วอบแห้ง จากนั้นบดเป็นผงละเอียดด้วยหินบดแบบดั้งเดิม
- ชาเขียว ใบชาจะถูกอบแห้งแล้วนำไปชงแบบแช่น้ำร้อน ไม่บดละเอียดเป็นผง
วิธีการดื่ม
- มัทฉะ ผงชาจะถูกตีให้ละลายในน้ำร้อนจนกลายเป็นเครื่องดื่มสีเขียวเข้ม เรา “ดื่มทั้งใบ” จึงได้สารอาหารเต็ม ๆ
- ชาเขียว ใบชาจะถูกแช่น้ำแล้วกรองกากออก เราดื่มแค่น้ำชาเท่านั้น ทำให้ได้รับสารอาหารน้อยกว่ามัทฉะ
รสชาติ
- มัทฉะ เข้มข้น ขมอมหวาน มีรส “อูมามิ” (Umami) และกลิ่นหอมเขียวลึกซึ้ง
- ชาเขียว รสชาติเบากว่า ออกฝาดเล็กน้อย กลิ่นหอมอ่อน สดชื่น
คุณประโยชน์ของมัทฉะและชาเขียว
แม้ว่าทั้งมัทฉะและชาเขียวจะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง แต่มัทฉะมีปริมาณมากกว่า เนื่องจากเราดื่มทั้งใบ โดยสารสำคัญในมัทฉะและชาเขียวรวมถึงประโยชน์มีดังต่อไปนี้
- คาเทชิน (Catechins) ช่วยต้านมะเร็ง ลดการอักเสบ
- แอล-ธีอะนีน (L-Theanine) ลดความเครียด เสริมสมาธิ
- คาเฟอีน เพิ่มพลังงาน แต่มัทฉะจะปล่อยพลังช้ากว่าและนานกว่า
- คลอโรฟิลล์ ล้างสารพิษในร่างกาย (ในมัทฉะมีมากกว่า)
มัทฉะและชาเขียวต่างก็มีเสน่ห์เฉพาะตัว แม้จะมาจากใบชาชนิดเดียวกัน แต่ความแตกต่างในวิธีการปลูก แปรรูป และดื่ม ทำให้ทั้งสองให้ประสบการณ์และประโยชน์ที่ไม่เหมือนกัน หากคุณชอบความเข้มข้น ต้องการพลังงานและสารอาหารแบบเต็ม ๆ มัทฉะคือคำตอบ แต่หากชอบความสดชื่น ดื่มได้บ่อยโดยไม่รู้สึกหนัก ชาเขียวทั่วไปก็ยังเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน