เมื่อพูดถึงผลไม้ หลายคนจะนึกถึงอาหารที่มีประโยชน์ สดชื่น และดีต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม ผลไม้บางชนิดมีคุณสมบัติที่เรียกว่า “ฤทธิ์ร้อน” ซึ่งสามารถส่งผลต่อร่างกายแตกต่างจากผลไม้ทั่วไป แม้ว่าผลไม้เหล่านี้จะมีคุณค่าทางโภชนาการสูง แต่ก็มีข้อควรระวังในการบริโภค มาทำความรู้จักกับ ผลไม้ฤทธิ์ร้อน กันดีกว่า
ผลไม้ฤทธิ์ร้อน คืออะไร
ในหลักของศาสตร์การแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนจีน ผลไม้แบ่งออกเป็น “ฤทธิ์ร้อน” และ “ฤทธิ์เย็น” โดยอ้างอิงจากผลกระทบที่มีต่อร่างกาย ผลไม้ฤทธิ์ร้อนคือผลไม้ที่เมื่อบริโภคแล้ว อาจทำให้ร่างกายรู้สึกร้อนขึ้น เพิ่มการเผาผลาญ และอาจทำให้เกิดอาการร้อนในได้หากบริโภคมากเกินไป ส่วนใหญ่มักเป็นผลไม้ที่มีรสหวานจัด หรือมีน้ำตาลสูง
ตัวอย่าง ผลไม้ฤทธิ์ร้อน
- ทุเรียน ได้รับฉายาว่าเป็น “ราชาแห่งผลไม้” แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์ร้อนสูง เมื่อรับประทานเข้าไป ร่างกายจะเผาผลาญพลังงานมากขึ้น ทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น หากกินในปริมาณมากอาจทำให้เกิดอาการร้อนใน หรือแม้แต่เวียนหัวและคลื่นไส้ได้
- มะม่วงสุก มะม่วงสุกมีรสหวาน หอม และเต็มไปด้วยวิตามิน A และ C อย่างไรก็ตาม มะม่วงสุกจัดเป็นผลไม้ฤทธิ์ร้อน ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการร้อนใน หรือเป็นแผลในปากได้หากรับประทานมากเกินไป
- ลำไย เป็นผลไม้ที่มีรสหวานฉ่ำ แต่มีฤทธิ์ร้อนสูง หากกินมากเกินไปอาจทำให้ร่างกายรู้สึกร้อนใน และบางคนอาจมีอาการคอแห้ง หรือเกิดแผลในปาก
- เงาะ มีรสหวานจัด จึงถูกจัดอยู่ในหมวดของผลไม้ฤทธิ์ร้อนเช่นกัน การรับประทานในปริมาณมากอาจทำให้เกิดอาการร้อนใน หรืออาการไม่สบายตัวในบางราย
- ลิ้นจี่ เป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่มีฤทธิ์ร้อน และหากรับประทานมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการร้อนใน หรือกระทั่งส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน
ผลไม้ฤทธิ์ร้อนมีผลต่อร่างกายอย่างไร
แม้ว่าผลไม้ฤทธิ์ร้อนจะมีประโยชน์มากมาย แต่หากรับประทานในปริมาณมากเกินไป อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงบางอย่าง
- อาการร้อนใน เช่น แผลร้อนใน ปากแห้ง หรือเจ็บคอ
- อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ทำให้รู้สึกร้อนและไม่สบายตัว
- ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น อาจส่งผลเสียต่อผู้ป่วยเบาหวาน
- ระบบย่อยอาหารทำงานหนักขึ้น อาจทำให้รู้สึกอึดอัดแน่นท้อง
วิธีลดผลกระทบจากการรับประทานผลไม้ฤทธิ์ร้อน
แม้ว่าผลไม้ฤทธิ์ร้อนจะมีประโยชน์ แต่เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เราสามารถปรับสมดุลร่างกายได้ด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น
- รับประทานผลไม้ฤทธิ์ร้อนในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรกินมากเกินไปในคราวเดียวกัน ควรแบ่งรับประทานเป็นมื้อเล็ก ๆ
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายขับความร้อนออก และลดอาการร้อนใน
- รับประทานคู่กับผลไม้ฤทธิ์เย็น เช่น แตงโม แก้วมังกร หรือมังคุด ที่ช่วยลดความร้อนในร่างกาย
- หลีกเลี่ยงการรับประทานผลไม้ฤทธิ์ร้อนร่วมกับอาหารที่มีฤทธิ์ร้อนอื่น ๆ เช่น อาหารทอด หรืออาหารรสจัด
- สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคเบาหวานหรือโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร
ผลไม้ฤทธิ์ร้อน เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์และให้พลังงานสูง แต่หากรับประทานมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการร้อนใน และส่งผลเสียต่อร่างกายได้ การบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม พร้อมกับการดื่มน้ำมาก ๆ และรับประทานอาหารที่สมดุล จะช่วยให้เราได้รับประโยชน์จากผลไม้เหล่านี้ได้อย่างเต็มที่และปลอดภัย ดังนั้น ควรเลือกกินให้เหมาะสมเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว