เจลาติน (Gelatin) เป็นวัตถุดิบที่หลายคนคุ้นเคยในขนมหวาน เช่น เยลลี่ พุดดิ้ง หรือมาร์ชเมลโล่ แต่รู้หรือไม่ว่า เจลาตินแท้จริงแล้วคืออะไร? ทำมาจากอะไร? และมีประโยชน์อย่างไร?
บทความนี้ เมนูเด็ด จะพาทุกคนไปรู้จักกับเจลาตินแบบละเอียด พร้อมไขข้อสงสัยว่าเจลาตินทำมาจากอะไร รวมถึงวิธีใช้งานและข้อควรระวังสำหรับคนที่ใส่ใจสุขภาพหรือมีข้อจำกัดด้านอาหาร
เจลาติน คืออะไร
เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และไม่มีรสชาติ มีคุณสมบัติสำคัญคือให้ความหนืด เหนียว และสามารถเซ็ตตัวเป็นเจลเมื่อเย็นตัวลง จึงถูกนำมาใช้ในอาหารและขนมมากมาย
เจลาตินทำมาจากอะไร
เจลาตินผลิตจากคอลลาเจน (Collagen) ซึ่งเป็นโปรตีนที่พบในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของสัตว์ เช่น หนัง กระดูก เอ็น หรือเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง โดยกระบวนการผลิตจะสกัดคอลลาเจนออกมา แล้วนำไปผ่านกระบวนการทำให้กลายเป็นเจลาติน
แหล่งที่มาของเจลาตินส่วนใหญ่ ได้แก่
- กระดูกวัว
- หนังหมู
- กระดูกหมู
- หนังปลา (เจลาตินจากปลา เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ที่ไม่บริโภคหมูหรือวัว)
ข้อควรระวัง
- เจลาตินไม่ใช่วัตถุดิบมังสวิรัติหรือวีแกน เนื่องจากมีแหล่งที่มาจากสัตว์
- ผู้ที่ถือศีลในศาสนาอิสลามหรือยิว ต้องเลือกเจลาตินที่ผ่านการรับรองฮาลาลหรือโคเชอร์เท่านั้น
เจลาติน ใช้ทำอะไร
ในอุตสาหกรรมอาหาร
- ทำเยลลี่
- พุดดิ้ง
- มาร์ชเมลโล่
- ลูกอมเจลลี่
- ไอศกรีม (ช่วยให้เนื้อเนียน ไม่เป็นเกล็ดน้ำแข็ง)
- เค้กมูส หรือชีสเค้กแบบไม่อบ
ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ
- ผลิตแคปซูลยา
- ผลิตเครื่องสำอาง เช่น มาสก์หน้า
- ใช้ในอุตสาหกรรมถ่ายภาพ ฟิล์มเก่า ๆ
- วัสดุทางการแพทย์ เช่น แผลติดเจล
ประโยชน์ของเจลาตินต่อสุขภาพ
- เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและข้อ
- ช่วยบำรุงผิว เส้นผม และเล็บ (เพราะมีคอลลาเจน)
- ช่วยในการย่อยอาหาร
- อาจช่วยลดปัญหาปวดข้อในบางราย
ใครควรระวังการบริโภค เจลาติน
- ผู้แพ้โปรตีนจากสัตว์
- ผู้ที่ทานมังสวิรัติหรือวีแกน
- ผู้ที่มีข้อจำกัดทางศาสนา (ควรเลือกเจลาตินที่ผ่านการรับรอง)