author

ไข่ต้ม เป็นอาหารยอดนิยมที่อยู่คู่ครัวไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยความสะดวกในการทำ รสชาติอร่อย และประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ทำให้ไข่ต้มกลายเป็นตัวเลือกยอดฮิตของหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะเป็นอาหารเช้า อาหารว่าง หรืออาหารเย็น ไข่ต้มสามารถตอบโจทย์ความต้องการของร่างกายได้อย่างครบถ้วน บทความนี้ เมนูเด็ด จะพาทุกคนไปรู้จักกับ ประโยชน์ของไข่ต้ม เมนูเพื่อสุขภาพ ลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี   ประโยชน์ของไข่ต้ม โปรตีนคุณภาพสูง ไข่ต้มเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงที่ร่างกายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โปรตีนในไข่ต้มมีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อในร่างกาย นอกจากนี้ โปรตีนยังช่วยสร้างกล้ามเนื้อและเพิ่มความแข็งแรง ทำให้ไข่ต้มเป็นตัวเลือกอาหารที่ดีสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายหรือกำลังลดน้ำหนัก   เมนูลดน้ำหนัก ไข่ต้มมีแคลอรี่ต่ำ แต่ให้ความอิ่มท้องสูง ทำให้ช่วยลดความอยากอาหารและควบคุมน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ โปรตีนในไข่ต้มช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น การรับประทานไข่ต้มเป็นอาหารเช้าสามารถช่วยลดปริมาณแคลอรี่ที่บริโภคในระหว่างวันได้อีกด้วย   ประโยชน์ของไข่ต้ม บำรุงสมองและระบบประสาท ไข่ต้มมีสารอาหารสำคัญอย่างโคลีน (Choline) ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการทำงานของสมองและระบบประสาท โคลีนมีบทบาทสำคัญในการสร้างสารสื่อประสาทอะเซทิลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งช่วยในเรื่องความจำและการเรียนรู้ การรับประทานไข่ต้มเป็นประจำจะช่วยส่งเสริมการทำงานของสมองและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคสมองเสื่อมในอนาคต   บำรุงสายตา ไข่ต้มเป็นแหล่งของลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องดวงตาจากความเสียหายจากแสงสีฟ้าและรังสี UV สารอาหารเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อกระจกและโรคจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุ การรับประทานไข่ต้มเป็นประจำจึงช่วยเสริมสร้างสุขภาพดวงตาได้เป็นอย่างดี […]

กรีกโยเกิร์ต เป็นผลิตภัณฑ์จากนมที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ด้วยเนื้อสัมผัสที่เข้มข้น นุ่มละมุน และรสชาติที่กลมกล่อมแตกต่างจากโยเกิร์ตทั่วไป นอกจากความอร่อยแล้ว กรีกโยเกิร์ตยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนสูง ไขมันต่ำ และช่วยเสริมสร้างระบบขับถ่าย เหมาะสำหรับผู้ที่รักสุขภาพหรือผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก สูตรทำกรีกโยเกิร์ตโฮมเมดนี้สามารถทำเองได้ง่าย ๆ ที่บ้านด้วยวัตถุดิบเพียงไม่กี่อย่าง ทั้งประหยัด สะอาด และมั่นใจในคุณภาพของวัตถุดิบ มาลองทำกรีกโยเกิร์ตแสนอร่อยด้วยตัวเองไปพร้อมกัน   ส่วนผสมการทำ กรีกโยเกิร์ต นมสดพาสเจอร์ไรส์ (นมโคแท้ 100%) 1 ลิตร โยเกิร์ตรสธรรมชาติ (แบบไม่มีน้ำตาล หรือกรีกโยเกิร์ตสำเร็จรูป) 2 ช้อนโต๊ะ   อุปกรณ์ หม้อ ผ้าขาวบางหรือผ้ากรองชีส ตะแกรง ชามผสม   วิธีทำ อุ่นนม ด้วยการนำหม้อตั้งเตาด้วยไฟอ่อนถึงกลาง อุ่นนมให้ได้อุณหภูมิประมาณ 40-45°C (ไม่ต้องเดือด) ถ้าไม่มีเครื่องวัดอุณหภูมิ ให้ลองใช้นิ้วแตะดูให้อุ่นแต่ไม่ร้อน ผสมโยเกิร์ต นำโยเกิร์ตรสธรรมชาติใส่ในชามผสม แล้วตักนมอุ่นลงไป 2-3 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากันจนเนื้อเนียน จากนั้นเทส่วนผสมโยเกิร์ตลงในหม้อนมอุ่น คนให้เข้ากัน หมักโยเกิร์ต

หมูแดดเดียว เป็นอาหารไทยที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน ด้วยรสชาติที่เข้มข้น หอมเครื่องหมักสมุนไพร และมีความนุ่มกำลังดีเมื่อทอดหรือย่าง และหากได้รับประทานคู่กับข้าวเหนียวร้อน ๆ และน้ำจิ้มแจ่วแล้วละก็อร่อยจนหยุดไม่ได้ สูตรนี้สามารถทำเองที่บ้านได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก มาดูกันว่าวิธีทำหมูแดดเดียวให้อร่อยนั้นต้องทำอย่างไรกันบ้าง ส่วนผสม หมูแดดเดียว เนื้อหมู (สันนอก/สันคอ/สามชั้น) 500 กรัม น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ พริกไทยป่น 1 ช้อนชา งาขาวคั่ว (เพิ่มความหอม) 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ นำเนื้อหมูมาล้างให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นยาวหนาประมาณ 1 ซม. จากนั้นนำหมูมาหมักโดยใส่น้ำปลา, ซอสปรุงรส, ซีอิ๊วขาว, น้ำตาลทราย, น้ำตาลปี๊บ, กระเทียมสับ, พริกไทย

ขนมครกเป็นขนมไทยโบราณที่มีรสชาติหวานหอมและเนื้อสัมผัสกรอบนอกนุ่มใน เป็นที่ชื่นชอบของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ สูตรขนมครก นั้นทำไม่ยาก แต่เต็มไปด้วยความละเมียดละไมในทุกขั้นตอน และขั้นตอนการทำขนมครกนั้นต้องอาศัยความร้อนที่พอเหมาะ แป้งจะค่อย ๆ สุกและกรอบขึ้นเมื่อสัมผัสกับความร้อนจากเตา วันนี้เมนูเด็ดจึงได้นำเคล็ดลับการทำขนมครกมาแจกเพื่อทำทานในบ้านหรือทำเป็นอาชีพเสริม ส่วนผสม สูตรขนมครก แป้งข้าวเจ้า 200 กรัม แป้งท้าวยายม่อม 50 กรัม มะพร้าวขูดสด 100 กรัม น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม เกลือป่น 1/2 ช้อนชา น้ำเปล่า 400 มล. ใบเตย 2-3 ใบ (สำหรับเพิ่มกลิ่นหอม) น้ำมันพืช (สำหรับทาแม่พิมพ์) ส่วนผสมไส้ ฟักทองนึ่งสุก ข้าวโพดต้มสุก มะพร้าวอ่อน ต้นหอม วิธีทำ เตรียมน้ำกะทิ ด้วยการคั้นมะพร้าวกับน้ำเปล่า 400 มล. ให้ได้กะทิข้น ๆ กรองเอาแต่น้ำกะทิ นำน้ำกะทิไปตั้งไฟอ่อน ๆ ใส่ใบเตย น้ำตาลปี๊บ และเกลือป่น คนจนน้ำตาลละลาย

สารอนุมูลอิสระเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เซลล์ในร่างกายของคนเราเสื่อมสภาพลงไปในทุก ๆ วันตามอายุที่มากขึ้น และเป็นสาเหตุของโรคภัยต่าง ๆ อาทิเช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และการอักเสบเรื้อรัง รวมถึงทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น ใบหน้ามีริ้วรอย หย่อนคล้อย และดูแก่ก่อนวัย การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์และเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง ในบทความนี้เมนูเด็ด จะพาคุณไปรู้จักกับ 9 ผลไม้ต้านอนุมูลอิสระ ที่หารับประทานได้ง่ายและมีประโยชน์ต่อร่างกาย   ผลไม้ต้านอนุมูลอิสระ บลูเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง โดยเฉพาะสารกลุ่มแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ที่ช่วยลดการอักเสบและปกป้องเซลล์จากความเสียหาย นอกจากนี้ยังมีวิตามินซีและไฟเบอร์ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและระบบย่อยอาหาร การรับประทานบลูเบอร์รี่เป็นประจำอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคเบาหวานได้ สตรอว์เบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่อุดมไปด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น เอลลาจิก แอซิด (Ellagic Acid) ที่ช่วยป้องกันการทำลาย DNA จากอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังมีไฟเบอร์สูง ช่วยในการขับถ่ายและควบคุมน้ำหนัก สตรอว์เบอร์รี่ยังมีส่วนช่วยในการบำรุงผิวให้สดใสและชะลอการเกิดริ้วรอย ทับทิม ทับทิมเป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก โดยเฉพาะสารพูนิคาลาจิน (Punicalagin) ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและช่วยลดความดันโลหิต ทับทิมยังมีวิตามินซีและโพแทสเซียมที่ช่วยบำรุงหัวใจและหลอดเลือด การดื่มน้ำทับทิมเป็นประจำอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคข้ออักเสบได้ ผลไม้ต้านอนุมูลอิสระ อะโวคาโด อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยไขมันดี (กรดโอเลอิก) และสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น กลูตาไธโอน (Glutathione)

ในทุกมื้ออาหาร ความสุขของคนที่รักการทำอาหารจะเริ่มต้นจากครัวที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบที่มีความสดใหม่และวิธีการปรุงที่ใส่ใจ การมี เคล็ดลับคู่ครัว ดี ๆ จะช่วยให้คุณประหยัดเวลา ลดความยุ่งยาก และยกระดับรสชาติของอาหารให้โดดเด่นขึ้นได้อีกมาก วันนี้เมนูเด็ดจึงได้นำเคล็ด(ไม่)ลับมาบอกต่อกันค่ะ เคล็ดลับคู่ครัว การเลือกวัตถุดิบ การเลือกผักสด เลือกผักใบเขียวที่กรอบ ไม่เหี่ยว เช่น คะน้า ผักบุ้ง หรือผักกาดขาว หากใบเหลืองหรือเหี่ยวแสดงว่าไม่สด การเลือกเนื้อสัตว์ เลือกเนื้อที่มีสีสด กลิ่นไม่เหม็น และไม่มีเมือก เช่น เนื้อหมูควรมีสีชมพูอ่อน เนื้อไก่ควรมีสีขาวเนียน การเลือกปลา ควรเลือกปลาที่ตาใส เหงือกแดง และเกล็ดไม่หลุดง่าย เทคนิคการเตรียมอาหาร การป้องกันผักเหี่ยว ห่อผักด้วยกระดาษชุบน้ำหมาด ๆ ก่อนเก็บในตู้เย็น วิธีการหั่นเนื้อสัตว์ให้สวย แช่เนื้อสัตว์ในช่องฟรีซประมาณ 30 นาที จะช่วยให้หั่นง่ายและได้ชิ้นสวย การล้างผักให้สะอาด แช่ผักในน้ำเกลือหรือน้ำส้มสายชูประมาณ 15 นาทีเพื่อลดสารเคมีตกค้าง และล้างผ่านน้ำสะอาดหลาย ๆ น้ำ การปรุงรสให้กลมกล่อม การแก้รสชาติเค็ม เติมน้ำตาลหรือบีบมะนาวเพิ่มความกลมกล่อม การแก้รสชาติหวาน เพิ่มเกลือเล็กน้อย หรือน้ำปลาเพื่อเพิ่มรสเค็ม การแก้รสชาติเผ็ด เติมกะทิ นมสด หรือบีบมะนาวเพื่อลดความเผ็ด เทคนิคการทอดไม่อมน้ำมัน รอให้น้ำมันร้อนจัดก่อนใส่เนื้อสัตว์ลงไปทอด พักของทอดบนกระดาษซับน้ำมันหรือกระดาษทิชชูหลังทอดเสร็จ เพื่อให้กระดาษดูดซับน้ำมัน ใส่น้ำมะนาวเล็กน้อยในน้ำมันจะช่วยให้ของทอดกรอบและลดการอมน้ำมัน

เทศกาลตรุษจีน หรือ วันปีใหม่ของชาวจีน ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ครอบครัวชาวไทย เชื้อสายจีน หรือชาวจีนมารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่ และ เมนูตรุษจีน ที่นำมาไหว้เทพเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บรรพบุรุษ ในวันตรุษจีนจะมีความหมายดี ๆ เพื่อเสริมสิริมงคลให้กับชีวิต วันนี้เมนูเด็ดจะพาไปดูกันว่าเมนูยอดนิยมมีอะไรบ้าง เมนูตรุษจีน ยอดนิยม ไก่ต้มหรือไก่ทั้งตัว สื่อถึงความสมบูรณ์ ความสงบสุข และความสามัคคีในครอบครัว เมนูตรุษจีน นิยมต้มให้สุกทั้งตัว พร้อมน้ำจิ้มซีอิ๊ว หรือน้ำจิ้มซีฟู้ด เมนูตรุษจีน ปลา สื่อความหมายที่เป็นสิริมงคล “เหลือกินเหลือใช้” เพราะคำว่า “ปลา” ในภาษาจีนพ้องเสียงกับคำว่า “ความมั่งคั่ง” เมนูอาหาร ปลานึ่งซีอิ๊วเป็นที่นิยม เน้นให้ปลาสดใหม่เพื่อแสดงถึงโชคลาภที่ไม่สิ้นสุด เกี๊ยว แสดงถึงความมั่งคั่ง เพราะรูปทรงของเกี๊ยวคล้ายกับเงินตำลึงจีนโบราณ โดยไส้เกี๊ยวนิยมทำจากหมู กุ้ง หรือผัก และเสิร์ฟแบบต้ม ทอด หรือในน้ำซุปก็ได้ เมนูตรุษจีน เป็ดพะโล้หรือเป็ดอบน้ำผึ้ง สื่อถึงความมั่งคั่ง ความสง่างาม และความเจริญรุ่งเรือง เน้นปรุงรสด้วยเครื่องเทศหรือซอสหวานเพื่อความกลมกล่อม หรือในปัจจุบันนิยมสั่งเป็ด MK เป็นตัวพร้อมไหว้ได้เลย บะหมี่

ยำไข่ปลาหมึก เมนูยำที่รสจัดจ้าน น้ำยำแซ่บนัวร์ ที่ใครนึกถึงก็ต้องน้ำลายสออย่างแน่นอน ด้วยไข่ปลาหมึกที่พอเรากัดเข้าไปนุ่มละมุนลิ้น ข้างนอกกรุบกรอบ และเคลือบไปด้วยน้ำยาที่รสชาติจัดจ้าน เผ็ด เปรี้ยว หวาน เข้ากันอย่างลงตัว แต่จะออกไปทานนอกบ้านบางร้านก็ให้น้อยแถมยังราคาสูงอีกต่างหาก วันนี้เมนูเด็ดจึงได้เตรียมสูตรมาใหเ้ทุกท่านทำทานกันที่บ้านแบบฉบับจัดเต็ม ทำได้ง่าย ๆ อร่อยจนจุกท้องอย่างแน่นอน   วัตถุดิบในการทำ ยำไข่ปลาหมึก ไข่หมึก 600 กรัม น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊ป 3 ช้อนโต๊ะ พริกขี้หนู 10 เม็ด มะนาว 2 ลูก หอมแขก ½ ลูก ผักชีฝรั่ง มะม่วง 1/4 ลูก ขั้นตอนวิธีการทำ นำไข่หมึกมาล้างน้ำให้สะอาด นำไข่หมึกไปนึ่งให้สุกพอดี ให้เนื้อไข่ปลาหมึกมีความเด้ง ตั้งกระทะ รอจนกระทะร้อนได้ที่ นำไข่หมึกไปจี่กับกระทะให้เหลือง หอมกลิ่นกระทะ ตักขึ้นพักไว้ นำไข่หมึกที่ทอดแล้ว มาหั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ เตรียมไว้ ผสมน้ำยำโดย โขลกพริกขี้หนูให้ละเอียด